ถ้าพูดถึงเครื่องดนตรีที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมในเมืองไทยเวลานี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นเจ้าเครื่องดนตรีรูปทรงละม้ายคล้ายกับกีตาร์แต่ขนาดเล็กกว่าที่เรียกว่า อูคูเลเล่ อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มันกำลังได้รับความสนใจในวงการดนตรีและนักดนตรีมือสมัครเล่นทั้งหลายอย่างมากมาย ด้วยเสียงอันไพเราะเหมือนกีตาร์แต่ทว่าพกพาได้ง่ายกว่า ที่สำคัญ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะได้รับความนิยมแซงหน้ากีตาร์ในเร็ว ๆ นี้ซะด้วยสิ เอ้า! เมื่อได้รับความสนใจมากขนาดนั้น วันนี้จึงไม่พลาดที่จะเอาเรื่องราวของเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้มาฝากกัน
อูคูเลเล่ คืออะไร
"ยูคะเลเล่ !!" หรือที่รู้จักกันในบ้านเราขณะนี้ว่า "อูคูเลเล่ !!!" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ถือกำเนิดในศตวรรษที่ 19 ใครจะนึกว่ามีที่มาที่ไปจากชาวโปรตุเกสนี่เอง เพราะดันขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของชาวฮาวายเอี้ยนซะงั้น ! ต้นสายปลายเหตุไม่มีอะไรมากหรอกครับก็แค่ชาวฮาวายเอี้ยนเห็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "คาวาควินโย่ (Cavaquinho)" ของชาวโปรตุเกสที่หอบไปหอบมาเวลามาที่เกาะฮาวาย แล้วเกิดหลงเสน่ห์ในเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนี้ ต่อมาได้ศึกษาและลองประดิษฐ์ตาม จนกลายเป็นเครื่องดนตรีของชาวฮาวายเอี้ยนนั่นเอง แต่ก็ให้เกียรติกับชาวโปรตุเกสโดยการตั้งชื่อว่า "Ukulele"
Uku ที่แปลว่า ของขวัญและ Lele ที่แปลว่า การมา รวมๆ แล้วแปลว่า "ของขวัญที่ได้มา" จะมาจากใคร ก็ชาวโปรตุเกสนั่นล่ะครับ นอกจากนั้น "Ukulele" ยังแปลได้อีกอย่างว่า "หมัดกระโดด (Jumping Flea)" เค้าว่ากันว่าได้มาจากวิธีจับคอร์ดครับ ซึ่งผมคิดว่าดูไม่เข้ากับเครื่องดนตรีที่แสนจะน่ารักนี้ซะเลย
Uku ที่แปลว่า ของขวัญและ Lele ที่แปลว่า การมา รวมๆ แล้วแปลว่า "ของขวัญที่ได้มา" จะมาจากใคร ก็ชาวโปรตุเกสนั่นล่ะครับ นอกจากนั้น "Ukulele" ยังแปลได้อีกอย่างว่า "หมัดกระโดด (Jumping Flea)" เค้าว่ากันว่าได้มาจากวิธีจับคอร์ดครับ ซึ่งผมคิดว่าดูไม่เข้ากับเครื่องดนตรีที่แสนจะน่ารักนี้ซะเลย
ลักษณะเสียงของเจ้าอูคูเลเล่นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากเลยทีเดียว เราเคยได้ยินเสียงกีตาร์โปร่งกันใช่ไหมครับ จะมีเสียงที่ใหญ่ดังกังวานค้างยาว แต่อูคูเลเล่จะมีเสียงที่ต่างจากกีตาร์คือ เสียงจะบางเล็กกว่า ไม่ค้างยาว ออกห้วนๆ สั้นๆ ตามลักษณะร่างกายของมันแหละครับ น่ารักๆ เล็กๆ พกพาง่าย (เด็กๆ และสาวๆ จึงพากันหลงเสน่ห์ของมันนักแล โอ๊ย! อยากเกิดเป็นอูคูเลเล่จังเลย จะได้มีสาวๆ มาคอยกอดเราตลอดเวลา แถมความเล็กของมันก็ยังมีหลายขนาดอีกนะครับ
ในช่วงเริ่มแรกนั้น อูคูเลเล่ เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับบรรเลงขับกล่อมเพลงฮาวายเอี้ยนให้ชาวเกาะได้ฟังกัน ครื้นเครงสนุกสนาน โดยมีพระราชาชาวเกาะ นามว่า King David Kalakaua (คิง เดวิด กาลากาอัว) เป็นผู้สนับสนุนใหญ่ จนใครๆ ในเกาะก็พากันเล่นเจ้าอูคูเลเล่กันทั้งเกาะเลย
อูคูเลเล่ ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในช่วงปี 1960-1985 เมื่อมีนักดนตรีชื่อดังหลายคนนำเครื่องดนตรีชนิดนี้ไปประกอบเพลง เช่น เจค ชิมาบุคุโร, จอร์จ แฮร์ริสัน, ซารา วัตกินส์ เป็นต้น ทำให้หลาย ๆ คนสรรหาเครื่องดนตรีชนิดนี้มาไว้ในครอบครองบ้าง ด้วยความที่มันเป็นเครื่องดนตรีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก และมีเสียงนุ่มไพเราะเหมือนกับกีตาร์ อีกทั้งยังสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ อูคูเลเล่ จึงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
ความนิยมกับ อูคูเลเล่
ปัจจุบัน อูคูเลเล่ ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากมายอีกครั้ง และนักร้องนักดนตรีหลายคนก็นำมันไปใช้เป็นดนตรีประกอบเพลงอย่างไพเราะ ไม่ว่าจะเป็น Jack Johnson, Jason Mraz หรือ John Mayer ที่โด่งดัง และผลงานเพลงของพวกเขาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ขณะเดียวกันที่ อูคูเลเล่ ก็ยิ่งมีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะในแถบยุโรป เอเชีย หรืออย่างบ้านเรา ก็ได้มีการนำอูคูเลเล่มาใช้ในงานดนตรีและการผลิตผลงานดนตรี โดยเฉพาะในแวดวงดนตรีแจ๊ส หรือดนตรีเบา ๆ ฟังสบาย ๆ อย่าง สิงโต นำโชค และ ลุลา กันยารัตน์ ติยะพรไชย หรือจะเป็น นท เดอะ สตาร์ 7 ที่พกเอาอูคูเลเล่มาออดิชั่นด้วยเพลงที่แต่งเอง จนลอยลำผ่านเข้ารอบ 8 คนไปได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งก็สร้างความสนใจให้กับหลาย ๆ คน จนตอนนี้อูคูเลเล่
โรงงานที่ผลิตและประกอบ ukulele มีอยู่หลายแหล่งด้วยกัน เช่น เวียดนาม อินโด จีน ญี่ปุ่น แคนนาดา อเมริกา และฮาวาย ซึ่งแน่นอนว่า
Ukulele ที่ทำหรือประกอบจากฮาวาย ย่อมมีราคาค่าตัวสูงกว่า ukulele ที่มาจากแหล่งอื่นๆ และองค์ประกอบของวัสดุก็เป็นตัวแปล ที่ทำให้
ราคาของ Ukulele สูงต่ำด้วย เช่นประเภทไม้, เกรดของ Abalone ที่ประดับบนตัว Ukulele และสมัยใหม่เราจะเห็นว่ามีการติดตั้ง Pickup
หรือมีชุด Preamp ให้กับ Ukulele ด้วย แน่นอนว่า ระดับ/คุณภาพของ pickup/preamp ก็มีผลอย่างยิ่งต่อราคา
Ukulele ที่ทำหรือประกอบจากฮาวาย ย่อมมีราคาค่าตัวสูงกว่า ukulele ที่มาจากแหล่งอื่นๆ และองค์ประกอบของวัสดุก็เป็นตัวแปล ที่ทำให้
ราคาของ Ukulele สูงต่ำด้วย เช่นประเภทไม้, เกรดของ Abalone ที่ประดับบนตัว Ukulele และสมัยใหม่เราจะเห็นว่ามีการติดตั้ง Pickup
หรือมีชุด Preamp ให้กับ Ukulele ด้วย แน่นอนว่า ระดับ/คุณภาพของ pickup/preamp ก็มีผลอย่างยิ่งต่อราคา
ขนาดของอูคูเลเล่
Ukulele มีสายเพื่อใช้บรรเลงเพลงแค่เพียง 4 สาย โดยใช้สายไนล่อน รูปทรงจะเล็กกว่า อะคูสติกกีต้าร์มาก ซึ่งจะมีขนาดอยู่ 4 ขนาด คือ
1) soprano (standard size) มีขนาดความยาว 21" นิ้ว
2) concert มีขนาดความยาว 23" นิ้ว
3) tenor มีขนาดความยาว 26" นิ้ว
4) baritone มีขนาดความยาว 30" นิ้ว
1) soprano (standard size) มีขนาดความยาว 21" นิ้ว
2) concert มีขนาดความยาว 23" นิ้ว
3) tenor มีขนาดความยาว 26" นิ้ว
4) baritone มีขนาดความยาว 30" นิ้ว
ประเภทของอูคูเลเล่
Soprano ถือเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับชาวฮาวายเอี้ยน แต่สำหรับคนไทยอาจจะไม่ใช่ โดยเฉพาะผู้ที่เล่นอะคูสติกกีต้าร์มาก่อน
ถ้าหากเริ่มต้นหัดจากขนาด Soprano อาจจะท้อสะก่อน เพราะยิ่งขนาดเล็กเท่าไร ก็ยิ่งทำให้การเล่นทำได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าหากเริ่มต้นหัดจากขนาด Soprano อาจจะท้อสะก่อน เพราะยิ่งขนาดเล็กเท่าไร ก็ยิ่งทำให้การเล่นทำได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
Fingerboard ที่เล็ก ทำให้การวางตำแหน่งของมือซ้ายทำได้ยาก และขนาดตัวที่เล็กก็ทำให้การโอบ หรือการพยุงมันขึ้นมาแนบกับอก
ก็ยิ่งทำได้ยาก เพราะยิ่งโอบไว้นานยิ่งเมื่อย รวมถึงระยะห่างของสายทั้งสี่เส้นก็มีระยะห่างน้อยมาก จึงทำให้การเล่น finger ตามได้ยากแต่ไม่ใช่ว่าขนาด Soprano นี้จะไม่ดี มันก็เหมือนกับอะคูสติกกีต้าร์นั่นล่ะ ที่แต่ละทรงก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งขนาด Soprano
จะให้เสียงที่คมชัด แหลมดี และย่านเสียงสูงยอดเยี่ยมกว่าทรงอื่นๆ มันเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการเล่นแบบตีคอร์ด เป็น Background
ให้กับวง ดังนั้น ukulele ขนาด Soprano จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เล่น Ukulele ได้คล่องแล้ว และเน้นสไตล์การเล่นแบบตีคอร์ด
ก็ยิ่งทำได้ยาก เพราะยิ่งโอบไว้นานยิ่งเมื่อย รวมถึงระยะห่างของสายทั้งสี่เส้นก็มีระยะห่างน้อยมาก จึงทำให้การเล่น finger ตามได้ยากแต่ไม่ใช่ว่าขนาด Soprano นี้จะไม่ดี มันก็เหมือนกับอะคูสติกกีต้าร์นั่นล่ะ ที่แต่ละทรงก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งขนาด Soprano
จะให้เสียงที่คมชัด แหลมดี และย่านเสียงสูงยอดเยี่ยมกว่าทรงอื่นๆ มันเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการเล่นแบบตีคอร์ด เป็น Background
ให้กับวง ดังนั้น ukulele ขนาด Soprano จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เล่น Ukulele ได้คล่องแล้ว และเน้นสไตล์การเล่นแบบตีคอร์ด
Concert จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าขนาด soprano ขนาดตัว และฟิงเกอร์บอร์ดที่มีความกว้างมากขึ้นนั้น ช่วยทำให้การเคลื่อนของมือซ้าย
ทำได้ง่ายขึ้น เอกลักษณ์เสียงของขนาด Concert คือให้เสียงแหลมพอประมาณ และมีเสียงกลางผสม จึงเหมาะกับการใช้เล่น ในสไตล์
strum-chord(ตีคอร์ด) เป็นหลัก แต่สามารถใช้เล่นสไตล์ finger-picking ได้เช่นกัน
ทำได้ง่ายขึ้น เอกลักษณ์เสียงของขนาด Concert คือให้เสียงแหลมพอประมาณ และมีเสียงกลางผสม จึงเหมาะกับการใช้เล่น ในสไตล์
strum-chord(ตีคอร์ด) เป็นหลัก แต่สามารถใช้เล่นสไตล์ finger-picking ได้เช่นกัน
Tenor มีขนาดใหญ่กว่า concert ผู้เล่นสามารถเล่นได้ง่าย คือทั้งการโอบหรือพยุงขึ้นแนบกับอกทำได้ง่ายขึ้น การใช้มือซ้ายและมือขวา
เคลื่อนไหวได้ง่าย ขนาดของลำตัว(body) และฟิงเกอร์บอร์ดที่ใหญ่ขึ้นนั้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีนิ้ว/มือที่ใหญ่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น
เอกลักษณ์เสียงอยู่ที่เสียงกลางดี มีเนื้อเสียงที่ชัดเจน จึงเหมาะกับการเล่นแบบ finger-picking และ solo ได้ดี เสียงที่ออกมาจะมีความ
ใกล้เคียงอะคูสติกกีต้าร์พอสมควร แต่ tenor ให้โทนเสียงแหลมคมและการพุ่งของเสียง จะน้อยกว่า soprano และ concert
เคลื่อนไหวได้ง่าย ขนาดของลำตัว(body) และฟิงเกอร์บอร์ดที่ใหญ่ขึ้นนั้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีนิ้ว/มือที่ใหญ่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น
เอกลักษณ์เสียงอยู่ที่เสียงกลางดี มีเนื้อเสียงที่ชัดเจน จึงเหมาะกับการเล่นแบบ finger-picking และ solo ได้ดี เสียงที่ออกมาจะมีความ
ใกล้เคียงอะคูสติกกีต้าร์พอสมควร แต่ tenor ให้โทนเสียงแหลมคมและการพุ่งของเสียง จะน้อยกว่า soprano และ concert
ราคา ที่ขอแนะน
ราคา 900-2,000 บาท สำหรับผู้เริ่มต้น-งบน้อย เด็กน้อย เสียงไม่ดี ใช้ไม้-สายเกรดต่ำ เสียงไม่ออก เสียงเพี้ยน ทัชชิ่งสูง เล่นยาก
ราคา 2,000-3,000 บาท สำหรับผู้เริ่มต้นที่มีงบมากขึ้นหน่อย พอกล้อมแกล้มไปได้ครับ งานดีกว่าแบบแรก ใช้สายที่ดีขึ้น ทำให้เสียงดีขึ้น
ราคา 3,000-5,000 บาท เสียงดีมาตรฐาน บอกไม้ที่ใช้ทำ งานไม้เนี๊ยบ ตีตรายี่ห้อมาตรฐาน สายดี เสียงดี เหมาะสุด คุ้มสุด
ราคา 5,000-10,000 บาท เสียงดี ไม้ที่ใช้ทำเป็นไม้จริงทั้งชิ้น (Solid Top) แต่เสียงไม่ได้ดีกว่า 5,000 บาท เท่าไหร่
ราคา 10,000 บาทขึ้นไป เสียงดี ทำจากไม้ชั้นดี ไม้ลายหายาก ตีตรายี่ห้อดัง แต่ราคาแพงเกิน ไม่คุ้มค่าเงิน ไม่แนะนำ
ราคา 2,000-3,000 บาท สำหรับผู้เริ่มต้นที่มีงบมากขึ้นหน่อย พอกล้อมแกล้มไปได้ครับ งานดีกว่าแบบแรก ใช้สายที่ดีขึ้น ทำให้เสียงดีขึ้น
ราคา 3,000-5,000 บาท เสียงดีมาตรฐาน บอกไม้ที่ใช้ทำ งานไม้เนี๊ยบ ตีตรายี่ห้อมาตรฐาน สายดี เสียงดี เหมาะสุด คุ้มสุด
ราคา 5,000-10,000 บาท เสียงดี ไม้ที่ใช้ทำเป็นไม้จริงทั้งชิ้น (Solid Top) แต่เสียงไม่ได้ดีกว่า 5,000 บาท เท่าไหร่
ราคา 10,000 บาทขึ้นไป เสียงดี ทำจากไม้ชั้นดี ไม้ลายหายาก ตีตรายี่ห้อดัง แต่ราคาแพงเกิน ไม่คุ้มค่าเงิน ไม่แนะนำ
ทำไมไม่มีเนื้อหาซักทีละคะ รออยู่ๆ
ตอบลบครับๆๆ
ตอบลบ